เกี่ยวกับฉัน
วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
ความเป็นมาของ วารสาร ในประเทศไทย
ความเป็นมาของ "วารสาร " ในประเทศไทย
1. วารสารไทยมีขึ้นครั้งแรกในปลายรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2387 โดย แดน บีช บรัดเลย์ มิชชันนารี ชาวอเมริกัน ชื่อ "Bangkok Recorder" และในสมัยรัชกาลที่ 4 พ.ศ. 2401 ออกหนังสือ"ราชกิจจานุเบกษา" แต่วารสารในสมัยแรกเริ่มยังไม่มีลักษณะเป็นวารสารเท่าใดนัก และพิมพ์เผยแพร่อยู่ในวงจำกัด จนกระทั้งพ.ศ. 2417 ในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงมีวารสารไทยฉบับแรก ที่ออกโดยคนไทยคือ วารสาร ดรุโณวาท ออกโดยพระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์
2. จำนวนวารสารในสมัยต่างๆ มีดังนี้คือ สมัยรัชกาลที่ 3 มี 2 ฉบับ สมัยรัชกาลที่ 4 มี 8 ฉบับ สมัยรัชกาลที่ 5 มี 47 ฉบับ สมัยรัชกาลที่ 6 มี 127 ฉบับ สมัยรัชกาลที่ 7 มี 160 ฉบับ สมัยรัชกาลที่ 8 มี 92 ฉบับ สมัยรัชกาลที่ 9 มีมากกว่า 1,200 ฉบับ
3. ลักษณะของวารสารสมัยต่างๆ แตกต่างกันไปตามสภาพสังคม เศรษฐกิจและการเมือง ของประเทศ วารสารในสมัยแรกๆ คือช่วงรัชกาลที่ 3 ถึงรัชกาลที่ 5 วารสารมีลักษณะเป็นหนังสือเล่ม ขนาดเล็ก แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกเรียกว่าจดหมายเหตุ หรือหนังสือข่าว ซึ่งพวกนี้ต่อมาได้พัฒนาไปเป็นวารสารทั้งสิ้น กลุ่มที่ 2 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ถึงรัชกาลที่ 7 ก็มีลักษณะคล้ายกันคือ มีวารสารรายสัปดาห์จำนวนมากเรียกตัวเองว่า หนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
4. วารสารสมัยแรกๆ เป็นกิจการของเจ้านายชั้นสูง ต่อมาจึงแพร่หลายไปสู่สามัญชนมากขึ้น จนกระทั้งถึงปัจจุบันมีวารสารที่จัดทำขึ้นสำหรับผู้อ่านเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีพัฒนาการของสื่อสารมวลชนคือ สื่อมวลชนมีจุดเริ่มต้นจากชนชั้นสูง พัฒนาไปเป็นสื่อสำหรับมวลชน และพัฒนามาเป็นสื่อเฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะด้านมากขึ้น
5. อายุของวารสารในระยะแรก มักมีอายุไม่ยืนยาว วาสารบางประเภทที่มีมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรก เช่น วารสารเด็ก วารสารผู้หญิง แต่ไม่ค่อยได้รับความสำเร็จ เนื่องจากไม่สามารถจำหน่ายได้แพร่หลาย ส่วนใหญ่มีอายุไม่เกิน 2 ปี วารสารต่างๆ เกิดขึ้นตามสภาพทางสังคม เช่น วาสารด้านบันเทิง เริ่มมีในปลายรัชกาลที่ 6 เพราะความนิยมในละครและภาพยนตร์
6. วารสารได้ขยายตัวเพิ่มปริมาณขึ้นตามความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ จนถึงปัจจุบันการดำเนินงานด้านวารสารของเอกชน เป็นลักษณะของธุรกิจเต็มตัว มีการโฆษณาสินค้าจำนวนมาก7. บทบาทหน้าที่ของวารสารไทยเปลี่ยนแปลง มา 3 ระยะคือ ระยะแรกมุ่งให้ความรู้และเพิ่มพูนสติปัญญาแก่ผู้อ่าน มีเรื่องบันเทิงและบริการทางธุรกิจเพียงเล็กน้อย ระยะที่สอง ประมาณสมัยรัชกาลที่ 6 ถึงรัชกาลที่ 7 เป็นการให้ข่าวสารและแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ระยะที่สาม วารสารเป็นแนวให้ความบันเทิงเริงรมย์ จนถึงปัจจุบันมีลักษณะเป็นแหล่งสารสนเทศ ให้ความบันเทิงและให้ความรู้เฉพาะด้านมากขึ้น
โดย ชานนท์ วชิรบัญชร 5006100078
วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
.....คุณสมบัติคน...Jr
...............ต้องเป็นคนช่างสังเกตุ ( ตาดู หูฟัง )...................
....................ต้องเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์....................
................ต้องชอบหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งรอบตัว..................
....................ต้องกล้าพูดกล้าเจรจา..................................
................ต้องกล้าถามหากมีเรื่องสงสัย...........................
...................ต้องใส่ใจทุกรายละเอียด...............................
.................ต้องเบียดเสียดฝูงชนได้ (หน่วยกล้าตาย )...........
...................ต้องมีทักษะในการเขียน................................
.................ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบัน...............
(เรียกได้ว่า มีเหตุเกิดที่ไหนเรา Jrต้องรู้และมีส่วนร่วมเล่าเรื่องในเหตุการณ์ได้)
............ต้องขยันที่จะออกพื้นที่หาข่าว.................................
..........เสนอเรื่องราว ตรงไปตรงมา เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย..........
น.ส.สุกัญญา คล่องสืบข่าว 4906100007
วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
จะยากมั้ย..? กับการเขียนสารคดี
1.ตั้งจุดมุ่งหมายในการเขียน การตั้งจุดมุ่งหมายในการเขียนเป็นสิ่งสำคัญเบื้องต้นของการเขียสารคดี ทั้งนี้เพราะการเขียนสารคดีแต่ละเรื่อง ผู้เขียนย่อมมีจุดมุ่งหมายในการเขียนแตกต่างกันออกไป เช่น สารคดีบางเรื่องมีจุดมุ่งหมายเขียนเพื่อสำหรับเด็ก หรือผู้ใหญ่อ่าน ทั้งนี้เมื่อสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะทำการสื่อสารได้แล้ว ก็จะมากลั่นกรองถึงเนื้อหา ภาษา และประเด็นในการนำเสนอในรูปแบบที่เหมาะสมกับวัยของผู้อ่าน เป็นต้น
2.การเลือกเรื่อง หลังจากที่ตั้งจุดมุ่งหมายในการเขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว ต่อไปก็เป็นการเลือกเรื่องสำหรับการเขียนสารคดีจะมีหลักเกณฑ์ที่ต้องพิจารณา หลายประการ 2.1 เลือกเรื่องที่ผู้เขียนมีความถนัดและให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ 2.2 เลือกเรื่องที่ผู้เขียนมีประสบการณ์ 2.3 เลือกเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน 2.4 เลือกเรื่องที่มีประโยชน์ต่อสังคม กลุ่มคน 2.5 อื่นๆ ตามที่ผู้เขียนจะพิจารณาเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าเขียนเผยแพร่
3. มองหาเนื้อเรื่องที่จะเขียน บางครั้งผู้เขียนสามารถเลือกเรื่องได้แล้ว แต่ปรากฏว่ายังไม่มีเนื้อเรื่องที่จะเขียน ทั้งนี้วิธีง่ายๆ ที่จะมองหาเรื่องสำหรับการเขียนสารคดีนั้นขอให้นำเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเรา และรู้เรื่องนั้นดีที่สุดมาเขียนให้ผู้อื่นได้อ่าน
4. การตั้งชื่อเรื่อง หลังจากได้เนื้อเรื่องมาแล้ว ให้คิดตั้งชื่อเรื่องเป็นอันดับแรก เพราะเหตุว่าชื่อเรื่องจะเป็นแนวกำหนดหรือเป็นแนวความคิดรวบยอดให้ทราบว่าเรากำลังจะเขียนสารคดีไปในแนวทางไหนซึ่งจะมีส่วนช่วยในการเขียนตรงตามเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
5. การรวบรวมข้อมูล เมื่อสามารถกำหนดหัวชื่อเรื่องและเนื้อเรื่องได้แล้ว ขั้นต่อไปคือการเก็บรวบรวมข้อมูลสำหรับการเขียนสารคดี โดยข้อมูลที่ได้มาจาก 2 แห่ง คือ ข้อมูลปฐมภูมิ (primary source) คือ ข้อมูลที่เป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวต่างๆ ที่ผู้เขียนประสบมาโดยตรง ด้วยการสนทนา สอบถาม สัมภาษณ์ เป็นต้น และข้อมูลทุติยะภูมิ (secondary source) คือ ข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบมาแล้วชั้นหนึ่ง จึงนับว่าเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ น่าเชื่อถือ สามารถนำไปใช้อ้างอิงได้เป็นอย่างดี
6. การกำหนดโครงเรื่อง เป็นการกำหนดว่าเรื่องที่เขียนนั้นจะเขียนถึงอะไรบ้าง มีเนื้อหาที่น่าสนใจอย่างไร ทั้งนี้โครงเรื่องประกอบด้วย 3 ส่วน สำคัญ คือ ความนำ (introduction) ต้องขึ้นต้นให้น่าสนใจ ,เนื้อเรื่อง (body or text) ต้องมีความหมายน่ารู้ น่าศึกษา สรุปเรื่อง (conclusion) ต้องตรงประเด็น
7. การลงมือเขียน เป็นขั้นฝึกปฏิบัติด้วยการลงมือเขียน ทั้งนี้สารคดีจะน่าอ่านหรือไม่น่าอ่านนั้น ส่วนหนึ่งอยู่ที่การใช้ภาษาเป็นสำคัญ และภาษาที่ใช้ในงานเขียนสารคดีจะต้องเป็นภาษาแบบแผนซึ่งมีลักษณะ เป็นคำสุภาพ , ใช้ภาษาที่มีศักดิ์ของคำในระดับเดียวกัน ไม่นำภาษาแสลงเข้ามาใช้ปะปนในงานเขียน, ไม่มีการตัดหรือลดทอนรูปประโยค, น้ำเสียงของคำจะมีลักษณะเคร่งขรึมเป็นกลาง ไม่ตลกขบขัน ไม่เยาะเย้ย ถากถาง ภาษาต้องไม่แสดงออกถึงความรุนแรง หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่เป็นโวหาร ยืดเยื้อ รวมทั้งมีความเคร่งครัดและรักษามาตรฐานของภาษา
เขียนโดย จุฑามาส ชัยเมือง 4906100040
วิชาเอกของสาขาวารสารศาตร์
::สาขาวารสารศาตร์ ที่จำเป็นที่จะต้องเรียน
1.กราฟิกเพื่องานวารสารศาตร์
:: ทฤษฎีการออกแบบ จัดหน้า การใช้ตัวอักษร การใช้สี องค์ประกอบศิลป์ และฝึกปฏิบัติการกราฟิกเพื่อสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออนไลน์
2.การรายงานข่าวขั้นสูง
:: เทคนิคการรายงานข่าวขั้นสูง ประกอบด้วย การรายงานข่าวแบบตีความ และการรายงานข่าวแบบข่าวสืบสวน โดยฝึกทักษะ การทำความเข้าใจและการตีความข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการรายงานข่าวขั้นสูง
ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
3.การเขียนเชิงวารสารศาสตร์
:: แนวคิด หลักการเขียน ฝึกทักษะการเขียนเชิงวารสารศาสตร์ประเภทต่างๆ โดยนึกฝึกทักษะกระบวนการเขียน
4.การจัดการธุรกิจวารสารศาสตร์
:: ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์ การจัดองค์กร การกำหนดนโยบาย แผนงาน การบริงานกองบรรณาธิการ
การบริหารการเงินและงบประมาณ
5.การบรรณาธิกรณ์และการผลิตหนังสือพิมพ์
:: หลักการจัดทำหนังสือพิมพ์ วิธีการคัดเลือกข่าว บทความ คอลัมน์ และภาพประกอบ การเขียนพาดหัวข่าว การพิสูจน์อักษร และการฝึกปฏิบัติผลิตหนังสือพิมพ์
6.การบรรณาธิกรณ์และการผลิตนิตยสาร
:: หลักในการจัดทำนิตยสาร การเลือกบทความ คอลัมน์ เนื้อหาต่างๆ และภาพประกอบในรูปแบบนิตยสาร รวมทั้งการตกแต่งต้นฉบับ การตั้งชื่อเรื่อง การสั่งตัวพิมพ์ การพิสูจน์อักษร ฝึกภาคปฏิบัติโดยมีการจัดทีมงานเพื่อการบริหาร การผลิตและการจัดจำหน่าย
7.การสร้างสื่อวารสารศาสตร์ออนไลน์
:: รูปแบบและวิธีการเขียนลักษณะต่างๆที่นำเสนอบนสื่อออนไลน์ ในรูปแบบของข่าว บทความ บทวิเคราะห์ บทวิจารณ์ สารคดี รวมทั้งหลักในการจัดทำวารสารศาสตร์สื่อออนไลน์ และฝึกสร้างเว็บเพจโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ
8. การวิจัยประยุกต์ทางวารสารศาสตร์
:: วิจัยประยุกต์โดยนำทฤษฎี แนวคิด กระบวนการและเทคนิคการวิจัยทางนิเทศศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ในงานวารสารศาสตร์ประเภทของของการวิจัยและการใช้ประโยชน์ การวิจัยเชิงารวจความคิดเห็น
การวิจัยเชิงสำรวจผู้อ่าน
9. สัมนาวารสารศาสตร์กับสังคม
:: ศึกษาวิเคราะห์และวิพากษ์บทหน้าที่ของวิชาชีพด้านวารสารศาสตร์ทุกประเภท ทั้งในและต่างประเทศที่มีผลกระทบต่อสังคมในด้านความรับผิดชอบและจริยธรรมของวิชาชีพ
10. ประสบการณ์วิชาชีพ
:: ฝึกงานกับองค์กรวารสารศาสตร์ โดยมีชั่วโมงฝึกงานไม่น้อยกว่า 400 ชั่วโมง
11. สหกิจศึกษา
:: การปฏิบัติงานในสถานที่ประกอบ โดยให้นักศึกษาระดับชั้นปีที่4 ไปปกิบัติฝึกงานจริง ณ สถานประกอบการที่ให้ความร่วมมือในฐานะพนักงานชั่วคราว เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 16 สัปดาห์
น.ส. สมิตา สุริยะมณี 4906100098
วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
การถ่ายภาพข่าวของวารสารศาสตร์
ความสำคัญของภาพข่าว
ภาพข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์มีความสำคัญมาก คนอ่านหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่จะนิยมดูภาพก่อนมากที่สุด เพราะฉะนั้นการถ่ายภาพจึงมีความสำคัญมากสามารถสรุปความสำคัญของภาพได้ดังนี้
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
อัมพวา...เฮฮา และ เหนื่อยใจ
วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
14.อ. วิเชียน ธรรมลา 15.อ.นิษฐา ปั้นจีน 16. อ.สุนทร ปั้นจีน
เขียนโดย ชเนษฎ์ เชาว์วาทิน 4906100009
ห้องปฏิบัติการของสาขาวารสารศาสตร์
ที่ตั้งของห้องนี้อยู่ที่ อาคาร 7 ชั้น 14 ห้อง 71401จะเป็นห้องปฏิบัติการหนังสือพิมพ์และนิตยสาร
และก็ อาคาร 7 ชั้น 7-8จะเป็นห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เพื่อสื่อสิ่งพิมพ์
รายวิชาที่ใช้ห้องปฏิบัติการ :
• CJ 303 การบรรณาธิกรณ์และการผลิตหนังสือพิมพ์
• CJ 401 การบรรณาธิกรณ์และการผลิตนิตยสาร
• CJ 422 การผลิตสิ่งพิมพ์เฉพาะกิจ
• CJ 201 กราฟิกเพื่องานวารสารศาสตร์
• CJ 422 การผลิตสิ่งพิมพ์เฉพาะกิจ
สามารถอ่านข้อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
http://utcc2.utcc.ac.th/faculties/comarts/home.htm
http://utcc2.utcc.ac.th/faculties/comarts/labp1.htm
http://utcc2.utcc.ac.th/faculties/comarts/labp2.htm
นางสาวทัศนีย์ เสริมสวัสดิ์ศรี 4906100104
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
การันตีคุณภาพ
นอกจากนี้ข่าว ไฮไฟล์ (Hi5) พระสงฆ์ จากหนังสือพิมพ์หอข่าว ที่เคยได้รับรางวัลปีที่ผ่านมา ยังได้รับรางวัลข่าวด้าน ไอที(IT) ยอดเยี่ยมเพิ่มเติมอีก 1 รางวัล นับเป็นความน่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคณะนิเทศศาสตร์ ที่สามารถผลิตนักศึกษาให้มีคุณภาพก่อนจะออกไปพัฒนาสังคมต่อไป และนี่คือสิ่งที่การันตีได้ว่าเรามีบัณฑิตที่มีศักยภาพไม่แพ้ใคร
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
[[ วัดใจปี 3 ]]
และนี้คือโฉมหน้าของหนังสือพิมพ์รุ่นเรา ที่ใส่ใจทำขึ้นมา จนสำเร็จลุล่วง แม้จะมีอุปสรรคมากบ้างน้อยบ้าง แต่นั้นก้อเป็นสิ่งวัดใจที่ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้....
เขียนโดย น.ส.วัชราภรณ์ จุ้ยกลิ่น 4906100063